ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 ประเทศไทยมีมูลค่าส่งออกสินค้ารวม 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คาดว่ามูลค่าส่งออกทั้งปีจะสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1-2% ส่วนการส่งออกในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกมีแนวโน้มลดลง ซึ่งจะช่วยเศรษฐกิจของหลายประเทศสำคัญปรับตัวดีขึ้น โดย IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2568 จะขยายตัว 3.2%
การส่งออกของไทยไม่เพียงแต่ได้ประโยชน์จากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และวงจรพิมพ์ (PCB) ที่ได้รับผลดีจากการ Decoupling ซึ่งทำให้นักลงทุนย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังไทย ยังมีสินค้าอีก 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
Food-Good-Mood ซึ่งตลาดมีแนวโน้มขยายตัวได้ จึงเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการไทยในการส่งออกสินค้าไทยที่มีศักยภาพในการแข่งขันระดับโลกดังนี้
Food-Good-Mood
Food for Security กลุ่มสินค้าที่ตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหาร
ประเทศไทยมีจุดเด่นด้านทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ทำให้มีผลผลิตทางการเกษตรหลากหลายและติดอันดับ 1 และเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารสำคัญของโลก โดยมีอัตราการผลิตอาหารต่อคนสูงเป็นอันดับ 10 ของโลก ซึ่งทำให้ผู้ส่งออกสินค้าไทยได้รับผลบวกจากสถานการณ์ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ประเทศไทยมีสินค้าอาหารหลากหลายที่ตอบโจทย์นี้ และมีศักยภาพในการส่งออก โดยเฉพาะในบางประเภทที่ไทยเป็นผู้ส่งออก Top 3 ของโลก อาทิ
- (อันดับ 1) ทูน่ากระป๋อง, ไก่แปรรูป
- (อันดับ 2) น้ำตาลทราย
- (อันดับ 3) และซาร์ดีนกระป๋อง
Good for Planet กลุ่มสินค้าที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
วิกฤตสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้นทำให้ความตื่นตัวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพิ่มมากขึ้น ประเทศต่างๆ ใช้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น EU ที่เริ่มเก็บค่าธรรมเนียมคาร์บอนจากสินค้านำเข้าที่ปล่อยคาร์บอนสูง ส่วนประเทศไทยก็เตรียมเก็บภาษีคาร์บอนจากน้ำมันเป็นสินค้าแรก ภาคเอกชนและผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้สินค้าดีต่อสิ่งแวดล้อม เช่น บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้และผลิตภัณฑ์จากวัสดุรีไซเคิลได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
สินค้ากลุ่ม Green ของไทย ๆ (Top 3) ในตลาดโลกอย่าง
- (อันดับ 3) เม็ดพลาสติกชีวภาพชนิด Polylactic Acid : PLA
- (อันดับ 3) แผงโซลาร์ มีโอกาสขยายตลาดได้มากขึ้น
สินค้าทั่วไปที่ปรับให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อาทิ
- ยางพาราที่เข้ามาตรฐาน EUDR (ปลอดจากการตัดไม้ ทําลายป่า)
- เหล็กหรือซีเมนต์คาร์บอนต่ำ (Green Steel/Green Cement) ก็มีแนวโน้มเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นเช่น กัน
Mood for Joy สินค้าหรือบริการที่สร้างความสุขหรือประสบการณ์ใหม่
ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันเผชิญกับความเครียดและแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น จึงมองหาสินค้าหรือกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ เช่น การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพื่อคลายเหงา การดูแลรูปลักษณ์เพื่อเสริมความมั่นใจ และการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อสร้างความสุขและประสบการณ์ใหม่ในชีวิต เช่น การใช้บริการสปาเพื่อผ่อนคลาย ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ ส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าไทย หลายชนิด โดยเฉพาะส่งออกสินค้าที่ไทยมีศักยภาพเป็นผู้ส่งออกอันดับต้น ๆ ของโลก อาทิ
- (อันดับ 3) อาหารสุนัขและแมว
- (อันดับ 2) เครื่องประดับเงิน
- (อันดับ 2 ในอาเซียน) เครื่องสําอาง, สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว
นอกจากนี้ ธุรกิจท่องเที่ยวในไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) และการท่องเที่ยวสำหรับ Digital Nomads มีแนวโน้มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 3 ของโลกในด้านการท่องเที่ยวเพื่อดูแลสุขภาพ และกรุงเทพฯ กับเชียงใหม่ถูกจัดเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของ Digital Nomads เนื่องจากค่าครองชีพต่ำและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ดี
แม้ผู้ส่งออกจะยังเผชิญความเปราะบางจากปัจจัยความไม่แน่นอนในปี 2568 เช่น ความเสี่ยงจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่แน่นอน แต่หากผู้ส่งออกติดตามและทำความเข้าใจกับความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภค พร้อมเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ก็จะช่วยให้สามารถข้ามผ่านความท้าทายต่าง ๆ ไปได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก EXIM BANK THAILAND